วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

nothing in this mundane world stands still,

even guarded leader can't run from peril.

needn't to mention of a man's will,

that changes as fast as flash of mind ...

只我一个人最好 ..


人生真是好无聊 ...

突然就想在这儿写些东西... 我写的经常不太好看,也许反正没人玩这个 blog 了

只想让自己能更清地看这个世界 ...


从其他人的观点上看,有个女朋友应该是很愉快的嘛 ...

在商场握美女的手逛逛...

我却发现...我从娘胎出生所做的一切事情都像人人一代复一代所做的
...

我真是跟一般的人无差异 ...

学习... 毕业...结婚...一直和家庭忙着...直到生命的末日...

只是真的看不到这样做的目的...

人若放弃欲望地活着,就会有些思想余地,冷静地看生命中的每件事情...

路是各走各的... 建个家庭不是生命唯一的 ... 答案

觉得自己好像正在在井里无底地往下降 ...

想爬起来也爬不上了.. 不能跳出自己的选择了...

但越呆就越更深地往下奔...

闪射下来的阳光越来越少...

真的不想害懦弱人的感觉...

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะแน่ใจแค่ไหนว่าจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป
แต่ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
โดยเฉพาะ... "ความรัก"
จาก นิทานกระต่ายและกระรอก - bella's blog

------------------------------------

สิ่งที่ผมพบเจอมาตลอด 19 ปีของการมีชีวิตอยู่เป็นมนุษย์คนหนึ่งบนโลกใบนี้ ทำให้ผมยิ่งเชื่อกับคำพูดหนึ่งที่กล่าวว่า ... เอะ

จำไม่ได้แล้วละว่าอยากพูดว่าอะไร ทุกสิ่งใด ๆ ล้วนไม่คงที่แน่นอนจริง ๆ

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

My Favorite Stuff - Delta Farce


หนังเรื่องนี้เป็นแนว action - comedy ซึ่งนำแสดงโดย (ยืนเรียงจากซ้ายไปขวา) Bill Engvall, Larry the Cable Guy นักพูด stand-up comedy ระดับร้อยล้านดอลล่าร์สหรัฐ (คล้าย ๆ กับพี่โน้ส อุดม ของบ้านเรานี่เองครับ) และ DJ Qualls

เหตุผลที่ผมชอบหนังเรื่องนี้ โดยหลักแล้วคงเป็นเพราะ มีนักแสดงนำที่ผมชื่นชอบและติดตามผลงานอยู่เรื่อยๆ 2 คนคือ Bill Engvall และ Larry the Cable Guy

เรื่องราวคร่าว ๆ ของหนังเรื่องนี้คือ นายทหารฝึกหัด 3 คนนี้ที่ถูกฝึกอย่างฉุกละหุกและส่งไปรบที่อิรักเนื่องจากขาดแคลนทหาร เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นที่ตัวเอกของเรื่องคือ Larry The Cable guy ซึ่งก่อนที่จะถูกกองทัพเรียกตัวนั้น กำลังเป็นพนักงานเสริฟในร้านอาหารแมกซิกันแห่งหนึ่ง


วันหนึ่ง ขณะที่ Larry กำลังเสริฟอาหารอยู่นั้น แฟนของเขา (Karen) ก็ได้เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับบอกเขาว่า

Karen: ตอนนี้ฉันท้องแล้วนะ

Larry ทันใดนั้นก็แสดงออกว่าดีใจเป็นอย่างมาก วิ่งเข้าไปสวมกอด Karen ทันที โดยที่ Karen ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ Larry ก็คว้าไมโครโฟนของร้านป่าวประกาศให้ทุกคนในร้านรู้ทั่วกันว่า แฟนของผมท้องแล้วนะครับ

ทุกคนใน ร้านต่างก็ปรบมือแสดงความยินดีกับ Larry

หลังจากนั้น Karen ก็พูดขึ้นว่า

Karen: ฟังให้จบก่อนซิ คือจริง ๆ แล้ว ฉันมาเพื่อที่จะบอกว่า


.... ไอ้ที่ท้องอยู่หนะ ไม่ใช่ลูกของเรา



Larry: !!!! ????


หลังจากที่ชีวิตที่ไม่สมหวังในรักของ Larry ได้ผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก็มีหมายเรียก Larry ให้ไปฝึกเพื่อทำการรบในอิรัก เนื่องจาก Larry ได้เป็นสมาชิกของ US National Guard อยู่ในขณะนั้น ทำให้ Larry ได้มีโอกาสเจอเพื่อนอีก 2 คนซึ่งมีเคยมีชีวิตที่ล้มเหลวไม่เป็นท่ามาก่อนเหมือนเขาเช่นกัน นั่นก็คือ Bill Engvall และ DJ Qualls



หลังจากที่การฝึกมหาโหดได้เสร็จสิ้น ถึงเวลาแล้วที่จะได้ออกสู่สมรภูมิ ...

เครื่องบินโดยสารทางทหารลำหนึ่งได้ขนทหารประมาณ 20 นายมุ่งหน้าสู่อิรัก ซึ่งในนั้นรวมถึง ทั้ง 3 คนนี้ด้วย Larry ดูเหมือนจะเป็นคนที่ดูไม่กลัวตายมากที่สุด เมื่อเทียบกับอีก 2 คนที่เหลือ

Larry: At least before I die, I gotta get a real good sleep ...

ว่าแล้วเขาก็เดินไปยังห้องเก็บของหลังเครื่องบินซึ่งมีรถ Jeep อยู่คันหนึ่ง เขาจึงไปเลือกจองที่ในเบาะหน้าของรถแล้วก็หลับไป Bill และ DJ Qualls ก็เห็นว่าเป็นความคิดที่ดี จึงตาม Larry ไปนอนที่เบาะหลังของรถ Jeep คันนั้นนั่นเอง


หลังจากนั้นไม่นาน สภาพอากาศที่ระดับการบินนั้นเกิดแปรปรวนมาก เครื่องบินได้รับแรงสั่นสะเทือนจนฝาหลังของห้องเก็บของท้ายเครื่องบินเปิดออก ทำให้ รถ Jeep ตกดิ่งลงพสุธา ชะตาชีวิตของนายทหารฝึกหัดทั้ง 3 คนนั้นจะเป็นอย่างไร ... ในขณะที่เครื่องบินนั้นก็ได้บินมุ่งหน้าต่อ
ไปโดยที่ไม่รู้ว่าสมาชิก 3 คนได้หล่นหายไปเสียแล้วLarry


โชคดีที่รถ Jeep นั้นมีร่มชูชีพติดอยู่ ทำให้รถ Jeep นั้นสามารถลงจอดบนพื้นได้อย่างปลอดภัย


และแล้วในวันรุ่งขึ้น ท่ามกลางแสงแดดจ้าที่แผดเผากลางทะเลทราย มีเพียงรถ Jeepที่มีร่มชูชีพคลุมอยู่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าของท้องทะเลทราย Larry รู้สึกตัวและปลุกทัี้ง 2 คนให้ตื่นขึ้น เมื่อทั้งทีมตั้งสติได้แล้วสำรวจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ นั้น ก็ได้พบกับ



???? อะไรกันนี่ ... ป้ายบอกทางไปยัง Mexico City 500 km

พวกเขาทั้ง 3 คนอยู่ในแมกซิโก ... ซึ่งไม่ได้อยู่ห่างจากอเมริกาซักเท้่าไหร่เลย ทั้งสามคนต่างก็มองหน้ากันแล้วก็งง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป

หลังจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของทหารทั้ง 3 คนนี้ที่ได้เข้าไปป่วนเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเมกซิโก ก็ผมขอไม่เล่าต่อละกันเพราะจะยาวมากๆ เลยได้แนบ trailer มาด้วย


วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552

Mode: บ้าพลัง อัพบล็อกแบบ non-stop

วันที่ 10 ม.ค. 52

ตื่นเช้ามาตอนตี 4.30 รีบอาบน้ำแต่งตัว ออกจากบ้านมารอรถตู้พ่อโอ๊บที่ศักดิ์สิทธิ์อัลลอย และแล้วครึ่ง ชม. ต่อมารถตู้ก็มาถึง พร้อมที่จะรับพวกตัวเขียวหัวเกรียนทั้ง 5 ตัว - กู โอ๊บ คอก มาย หมูบิว ไปยังศูนย์รวมพวกตัวเขียวด้วยกัน ณ สวนเจ้าเชตุ ตอนประมาณ 6 โมงรถบัสขาประจำ สายลพบุรี-ตาคลี ก็วิ่งออกจากสวนเจ้าเชตุ การผจญภัยอันน่าระทึกบนยอดเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

หลังจากที่ขึ้นรถแล้วหลับไปประมาณ 2 ชม. ก็ไปถึงศูนย์อนุสรณ์สงครามเก้าทัพ ที่นั่นมีวิทยากรที่แต่งตัวเหมือนนายจันทร์หนวดเขี้ยวมาอธิบายเรื่องของสงครามเก้าทัพให้ฟังได้แบบ ... อินกับประวัติศาสตร์มาก ๆ ของเค้าดีจริง ๆ นะ ถ้าอดีต นศท. ท่านไหนที่พอจะจำกันได้ คงรู้ว่าพูดถึงอะไรอยู่

จากนั้นคณะทัวร์ตัวเขียวก็ได้เดินทางต่อมายังลานพิธีเปิดบนเขาตอนเที่ยง ๆ โดนยูวีย่างเกรียมไปตาม ๆ กัน แทบจะทำ nucleotide excision repair ไม่ทันเลยทีเดียว ... ต่อมาก้อประมาณว่าเอาของไปเก็บในเต้นท์ + ฟังครูฝึกอธิบายบลา ๆ ไม่ได้สนใจอะไรมาก สิ่งที่จำได้อย่างเดียวในวันนี้ก้อคือ สภาพอากาศที่หนาวแบบสัสๆ ... หนาวจนใส่ถุงมือแล้วอะไรแล้วก็ยังสั่นอยู่ทั้งตัว พูดทีงี้มีไอลอยฟ่องเลย หนาวจนลืมไปหมดทุกอย่าง ... เป็นคืนแรกที่นอนได้ลำบากที่สุดจิง ๆ

วันที่ 11 ม.ค. 51

เสียงนกหวีดดังขึ้นตอน 4.30 น. ในตอนเช้า แม่งมาถึงก็เรียกรวมแล้วให้กินข้าวเลย เวลาแปรงฟันอาบน้ำก็ไม่มี ทุกอย่างมันมืดไปหมดจนมองไม่เห็นว่าในถาดข้าวที่ตักมานั้นมีกับอะไรบ้าง พอลองกินดูก็รู้แต่ว่าอร่อยเว้ย ก็ยัดไป 2 ถาดจนอิ่มทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่ากุกินอะไรเข้าไป ต่อมาก็ออกตั้งแถวเดินทางไปยังสนามยิงปืนซึ่งห่างจากที่ ๆ อยู่ตอนนั้นประมาณ 3 กิโล

As I'm walking, still hear bullets flying.
it's damned cold, I could hear us shaking,
Frozen bullets piercing through the skin,
We're still breathin', gotta keep ass movin'

วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551

1 มกราคม 2552 เวลา 6.40
เป็นวันแรกที่ตื่นได้เช้าขนาดนี้โดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก อืม.... ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ... มั้ง


วันนี้ผมก็มีข้อคิด - คำคม ดีๆ สำหรับปีใหม่นี้ จากพระอาจารย์ ว. วชิรเมธี มาฝาก ได้มาจากรายการซักอย่างทางทีวีไทยที่เพิ่งดูเสร็จ รู้สึกว่ามันดีมาก ๆ อยากจะนำมาแบ่งปันกัน ขอสรุปเป็นข้อ ๆ เลยละกัน

สำหรับปีใหม่นี้ ท่านก็ขอให้คนไทยทุกคน


1. มีปัญญา

วัตถุเป็นของนอกกาย ใช้แล้วก็มีวันเสื่อมได้ถอยได้ ถูกขโมยได้ ต่างกับปัญญาซึ่งยิ่งใช้ยิ่งฉลาด ยิ่งใช้ยิ่งเชี่ยวชาญ ก็อยากให้ทุก ๆ คนทำตัวเหมือนแก้วที่ว่างเปล่า อย่าเหมือนแก้วที่เติมเต็มแล้ว เป็นแก้วที่ว่างเปล่า ที่พร้อมจะรับฟังสิ่งใหม่ ๆ ประสบการณ์ใหม่ ๆ พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

"เพียงแค่คิดว่าจะเป็นแก้วที่เต็ม นั่นก็ถือว่าเสื่อมแล้ว"

2. คิดนอกกรอบ

กรอบที่ว่านี้หมายถึง "ความเคยชิน" การคิดนอกกรอบจึงหมายถึงการคิดออกจากความเคยชิน ท่านก็ได้ยกตัวอย่างถึงเซอร์ไอแซค นิวตัน ซึ่งคิดต่างจากคนทั่วไปจนสามารถค้นพบกฏของแรงโน้มถ่วงดังที่เราทราบกัน สมมติว่าคุณเป็นนิวตันแล้วลูกแอปเปิ้ลตกใส่หัว คุณจะทำอย่างไร

- หยิบกิน ?
- คิดอย่างโมโหว่า หล่นใส่หัวตูได้ไงวะ ?

ฯลฯ

การคิดนอกกรอบจะทำให้เราเห็นต่างจากคนอื่น ๆ และสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นในชีวิตได้


3. รู้จักเอะใจ

หมายถึง การหมั่นถามตัวเอง สงสัยในสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นไปอยู่ตลอดเวลา สังเกตว่านักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงต่างก็เป็นคนที่ช่างสงสัย ช่างถามกันทั้งนั้น การตั้งข้อสงสัย จะทำให้เราสนใจที่จะค้นหาคำตอบจนเจอ ทำให้เราสามารถค้นพบสิ่งที่คนอื่นคิดไม่ถึง


4. หมั่นตรวจสอบตัวเองว่าวันนี้ได้ทำอะไรที่ดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วรึยัง อย่างไร

การทำให้ชีวิตในแต่ละวันดีขึ้น ก็เหมือนการทำขั้นตอนของชีวิตที่กำลังเจริญขึ้น เติบโตขึ้น เรื่อย ๆ นั่นเอง คนเราไม่ว่าจะอายุมากขนาดไหน เส้นผมและเล็บก็ยังเติบโตอยู่ตลอดเวลา ถามตัวเองว่า แล้ววันนี้ได้ทำให้ปัญญาเติบโตบ้างรึยัง


5. นั่งสมาธิก่อนนอนทุกคืน ถามกับตัวเองในใจว่าสิ่งที่ได้ทำในวันนี้ทั้งหมด มีอะไรที่ไม่น่าควรที่จะทำ แต่ก็ได้ทำลงไป และมีอะไรที่คิดว่าน่าจะได้ทำ แต่กลับไม่ได้ลงมือทำ

การทำเช่นนี้เหมือนเป็นการ checkpoint ชีวิตของตนเอง ว่าได้มีความก้าวหน้ามากขึ้นหรือไม่ ถ้าสามารถทำได้ดังนี้ ชีวิตของท่านจะก้าวหน้าและมีความหมายมากขึ้น

กระจกเงา มีไว้ส่องดูกาย แต่
การนั่งสมาธิ มีไว้ส่องดูใจ
-------

ปีใหม่นี้ ก็ขอให้ชาว dent ทุกคน มีความสุขมาก ๆ นะครับ

ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและมีความหมาย

มีความสุขและก้าวพร้อมไปกับทุก ๆ นาทีที่หมุนไป

-------

I'm layin', watchin' everyday that goes by,

seeing opportunities that drop by,

without grapping any by my side ...

This year's time to get on life and ride !

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

an amateur faller-iner-lover

You won't believe what I'm telling you.
Unexpected ? but it sure is for you.
Keep all great memories, that's all I can do.
I just can't say it out loud to you ...


I'm thinking of you as always.
There's no doubt, needless to say.
Even it's just in friendly way.
What'd you say, if I'm gonn' cross the line.

You suppose we can just be friends.
I ain't sure, how this is gonna end.
Since your smile is driving me insane.
It's a pain, to know it won't come true ...

Sorted in your "Friend category",
I'm not whining for sympathy.
No chances to prove me as a lover,
Cuz' it's all "friendship" that matters.

I'm sittin' here as always ~