วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะแน่ใจแค่ไหนว่าจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป
แต่ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
โดยเฉพาะ... "ความรัก"
จาก นิทานกระต่ายและกระรอก - bella's blog

------------------------------------

สิ่งที่ผมพบเจอมาตลอด 19 ปีของการมีชีวิตอยู่เป็นมนุษย์คนหนึ่งบนโลกใบนี้ ทำให้ผมยิ่งเชื่อกับคำพูดหนึ่งที่กล่าวว่า ... เอะ

จำไม่ได้แล้วละว่าอยากพูดว่าอะไร ทุกสิ่งใด ๆ ล้วนไม่คงที่แน่นอนจริง ๆ

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

My Favorite Stuff - Delta Farce


หนังเรื่องนี้เป็นแนว action - comedy ซึ่งนำแสดงโดย (ยืนเรียงจากซ้ายไปขวา) Bill Engvall, Larry the Cable Guy นักพูด stand-up comedy ระดับร้อยล้านดอลล่าร์สหรัฐ (คล้าย ๆ กับพี่โน้ส อุดม ของบ้านเรานี่เองครับ) และ DJ Qualls

เหตุผลที่ผมชอบหนังเรื่องนี้ โดยหลักแล้วคงเป็นเพราะ มีนักแสดงนำที่ผมชื่นชอบและติดตามผลงานอยู่เรื่อยๆ 2 คนคือ Bill Engvall และ Larry the Cable Guy

เรื่องราวคร่าว ๆ ของหนังเรื่องนี้คือ นายทหารฝึกหัด 3 คนนี้ที่ถูกฝึกอย่างฉุกละหุกและส่งไปรบที่อิรักเนื่องจากขาดแคลนทหาร เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นที่ตัวเอกของเรื่องคือ Larry The Cable guy ซึ่งก่อนที่จะถูกกองทัพเรียกตัวนั้น กำลังเป็นพนักงานเสริฟในร้านอาหารแมกซิกันแห่งหนึ่ง


วันหนึ่ง ขณะที่ Larry กำลังเสริฟอาหารอยู่นั้น แฟนของเขา (Karen) ก็ได้เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับบอกเขาว่า

Karen: ตอนนี้ฉันท้องแล้วนะ

Larry ทันใดนั้นก็แสดงออกว่าดีใจเป็นอย่างมาก วิ่งเข้าไปสวมกอด Karen ทันที โดยที่ Karen ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ Larry ก็คว้าไมโครโฟนของร้านป่าวประกาศให้ทุกคนในร้านรู้ทั่วกันว่า แฟนของผมท้องแล้วนะครับ

ทุกคนใน ร้านต่างก็ปรบมือแสดงความยินดีกับ Larry

หลังจากนั้น Karen ก็พูดขึ้นว่า

Karen: ฟังให้จบก่อนซิ คือจริง ๆ แล้ว ฉันมาเพื่อที่จะบอกว่า


.... ไอ้ที่ท้องอยู่หนะ ไม่ใช่ลูกของเรา



Larry: !!!! ????


หลังจากที่ชีวิตที่ไม่สมหวังในรักของ Larry ได้ผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก็มีหมายเรียก Larry ให้ไปฝึกเพื่อทำการรบในอิรัก เนื่องจาก Larry ได้เป็นสมาชิกของ US National Guard อยู่ในขณะนั้น ทำให้ Larry ได้มีโอกาสเจอเพื่อนอีก 2 คนซึ่งมีเคยมีชีวิตที่ล้มเหลวไม่เป็นท่ามาก่อนเหมือนเขาเช่นกัน นั่นก็คือ Bill Engvall และ DJ Qualls



หลังจากที่การฝึกมหาโหดได้เสร็จสิ้น ถึงเวลาแล้วที่จะได้ออกสู่สมรภูมิ ...

เครื่องบินโดยสารทางทหารลำหนึ่งได้ขนทหารประมาณ 20 นายมุ่งหน้าสู่อิรัก ซึ่งในนั้นรวมถึง ทั้ง 3 คนนี้ด้วย Larry ดูเหมือนจะเป็นคนที่ดูไม่กลัวตายมากที่สุด เมื่อเทียบกับอีก 2 คนที่เหลือ

Larry: At least before I die, I gotta get a real good sleep ...

ว่าแล้วเขาก็เดินไปยังห้องเก็บของหลังเครื่องบินซึ่งมีรถ Jeep อยู่คันหนึ่ง เขาจึงไปเลือกจองที่ในเบาะหน้าของรถแล้วก็หลับไป Bill และ DJ Qualls ก็เห็นว่าเป็นความคิดที่ดี จึงตาม Larry ไปนอนที่เบาะหลังของรถ Jeep คันนั้นนั่นเอง


หลังจากนั้นไม่นาน สภาพอากาศที่ระดับการบินนั้นเกิดแปรปรวนมาก เครื่องบินได้รับแรงสั่นสะเทือนจนฝาหลังของห้องเก็บของท้ายเครื่องบินเปิดออก ทำให้ รถ Jeep ตกดิ่งลงพสุธา ชะตาชีวิตของนายทหารฝึกหัดทั้ง 3 คนนั้นจะเป็นอย่างไร ... ในขณะที่เครื่องบินนั้นก็ได้บินมุ่งหน้าต่อ
ไปโดยที่ไม่รู้ว่าสมาชิก 3 คนได้หล่นหายไปเสียแล้วLarry


โชคดีที่รถ Jeep นั้นมีร่มชูชีพติดอยู่ ทำให้รถ Jeep นั้นสามารถลงจอดบนพื้นได้อย่างปลอดภัย


และแล้วในวันรุ่งขึ้น ท่ามกลางแสงแดดจ้าที่แผดเผากลางทะเลทราย มีเพียงรถ Jeepที่มีร่มชูชีพคลุมอยู่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าของท้องทะเลทราย Larry รู้สึกตัวและปลุกทัี้ง 2 คนให้ตื่นขึ้น เมื่อทั้งทีมตั้งสติได้แล้วสำรวจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ นั้น ก็ได้พบกับ



???? อะไรกันนี่ ... ป้ายบอกทางไปยัง Mexico City 500 km

พวกเขาทั้ง 3 คนอยู่ในแมกซิโก ... ซึ่งไม่ได้อยู่ห่างจากอเมริกาซักเท้่าไหร่เลย ทั้งสามคนต่างก็มองหน้ากันแล้วก็งง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป

หลังจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของทหารทั้ง 3 คนนี้ที่ได้เข้าไปป่วนเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเมกซิโก ก็ผมขอไม่เล่าต่อละกันเพราะจะยาวมากๆ เลยได้แนบ trailer มาด้วย


วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552

Mode: บ้าพลัง อัพบล็อกแบบ non-stop

วันที่ 10 ม.ค. 52

ตื่นเช้ามาตอนตี 4.30 รีบอาบน้ำแต่งตัว ออกจากบ้านมารอรถตู้พ่อโอ๊บที่ศักดิ์สิทธิ์อัลลอย และแล้วครึ่ง ชม. ต่อมารถตู้ก็มาถึง พร้อมที่จะรับพวกตัวเขียวหัวเกรียนทั้ง 5 ตัว - กู โอ๊บ คอก มาย หมูบิว ไปยังศูนย์รวมพวกตัวเขียวด้วยกัน ณ สวนเจ้าเชตุ ตอนประมาณ 6 โมงรถบัสขาประจำ สายลพบุรี-ตาคลี ก็วิ่งออกจากสวนเจ้าเชตุ การผจญภัยอันน่าระทึกบนยอดเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

หลังจากที่ขึ้นรถแล้วหลับไปประมาณ 2 ชม. ก็ไปถึงศูนย์อนุสรณ์สงครามเก้าทัพ ที่นั่นมีวิทยากรที่แต่งตัวเหมือนนายจันทร์หนวดเขี้ยวมาอธิบายเรื่องของสงครามเก้าทัพให้ฟังได้แบบ ... อินกับประวัติศาสตร์มาก ๆ ของเค้าดีจริง ๆ นะ ถ้าอดีต นศท. ท่านไหนที่พอจะจำกันได้ คงรู้ว่าพูดถึงอะไรอยู่

จากนั้นคณะทัวร์ตัวเขียวก็ได้เดินทางต่อมายังลานพิธีเปิดบนเขาตอนเที่ยง ๆ โดนยูวีย่างเกรียมไปตาม ๆ กัน แทบจะทำ nucleotide excision repair ไม่ทันเลยทีเดียว ... ต่อมาก้อประมาณว่าเอาของไปเก็บในเต้นท์ + ฟังครูฝึกอธิบายบลา ๆ ไม่ได้สนใจอะไรมาก สิ่งที่จำได้อย่างเดียวในวันนี้ก้อคือ สภาพอากาศที่หนาวแบบสัสๆ ... หนาวจนใส่ถุงมือแล้วอะไรแล้วก็ยังสั่นอยู่ทั้งตัว พูดทีงี้มีไอลอยฟ่องเลย หนาวจนลืมไปหมดทุกอย่าง ... เป็นคืนแรกที่นอนได้ลำบากที่สุดจิง ๆ

วันที่ 11 ม.ค. 51

เสียงนกหวีดดังขึ้นตอน 4.30 น. ในตอนเช้า แม่งมาถึงก็เรียกรวมแล้วให้กินข้าวเลย เวลาแปรงฟันอาบน้ำก็ไม่มี ทุกอย่างมันมืดไปหมดจนมองไม่เห็นว่าในถาดข้าวที่ตักมานั้นมีกับอะไรบ้าง พอลองกินดูก็รู้แต่ว่าอร่อยเว้ย ก็ยัดไป 2 ถาดจนอิ่มทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่ากุกินอะไรเข้าไป ต่อมาก็ออกตั้งแถวเดินทางไปยังสนามยิงปืนซึ่งห่างจากที่ ๆ อยู่ตอนนั้นประมาณ 3 กิโล

As I'm walking, still hear bullets flying.
it's damned cold, I could hear us shaking,
Frozen bullets piercing through the skin,
We're still breathin', gotta keep ass movin'